เส้นเลือดหัวใจตีบเป็นภาวะที่ผนังหลอดเลือดหัวใจเกิดการแข็งตัวและตีบลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือหัวใจวายได้
กล้วยน้ำหว้าเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลในกล้วยน้ำหว้าจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น อินซูลินทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะไปกระตุ้นให้ร่างกายเก็บกักไขมันไว้ ส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะไขมันเลว (LDL) ซึ่งมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ กล้วยน้ำหว้ายังมีสารแทนนินที่อาจทำให้หลอดเลือดหดตัวได้ จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน
ดังนั้น ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ จึงควรหลีกเลี่ยงการกินกล้วยน้ำหว้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอาการกำเริบหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
นอกจากกล้วยน้ำหว้าแล้ว ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง และคอเลสเตอรอลสูง เช่น อาหารทอด อาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันทรานส์ อาหารที่มีน้ำตาลเทียม เป็นต้น ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา ถั่ว และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแล้ว ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก และงดสูบบุหรี่