วิธีครอบครองอาวุธปืนมรดกต่อจากบิดาที่เสียชีวิต

วิธีรับมอบครอบครองอาวุธปืนมรดกต่อจากบิดาที่เสียชีวิต มีดังนี้

  1. แจ้งการตายของบิดาต่อนายทะเบียนท้องที่ที่บิดามีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในท้องที่นั้นภายใน 30 วันนับแต่วันตาย
  2. ยื่นคำขอรับมรดกต่อนายทะเบียนท้องที่ที่บิดามีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในท้องที่นั้น
  3. เมื่อนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขอรับมรดกแล้ว จะประกาศการขอรับมรดกไว้ในที่ว่าการอำเภอมีกำหนด 30 วัน เพื่อให้ทายาทอื่นคัดค้าน (ไม่มีกฎหมายกำหนดให้ทำแต่เพื่อป้องกันการร้องเรียนในภายหลัง)
  4. เมื่อครบกำหนด 30 วันแล้ว หากไม่มีทายาทอื่นคัดค้าน นายทะเบียนท้องที่จะออกหนังสือรับรองการตายและหนังสือรับรองการขอรับมรดกให้แก่ทายาท
  5. ทายาทที่เป็นผู้รับมรดกอาวุธปืน ต้องยื่นคำขอรับโอนอาวุธปืนต่อนายทะเบียนท้องที่ที่บิดามีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในท้องที่นั้น โดยนำเอกสารหลักฐานดังนี้
  • สำเนาหนังสือรับรองการตายและหนังสือรับรองการขอรับมรดก
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวข้าราชการของทายาท
  • สำเนาทะเบียนบ้านของทายาท
  • สำเนาใบมรณบัตรของบิดา
  • สำเนาแบบ ป.๔ ของอาวุธปืน (หากมี)
  • อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน
  1. เมื่อนายทะเบียนท้องที่ได้รับคำขอรับโอนอาวุธปืนแล้ว จะตรวจสอบเอกสารหลักฐานและออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.๔) ให้แก่ทายาท

ทั้งนี้ ทายาทที่เป็นผู้รับมรดกอาวุธปืนจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ดังนี้

  • เป็นบุคคลสัญชาติไทย
  • อายุไม่ต่ำกว่า 21 ปีบริบูรณ์
  • มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและสามารถติดต่อได้
  • มีสุขภาพจิตปกติและไม่เป็นโรคจิตเวช
  • ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
  • ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
  • ไม่เป็นผู้ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสำหรับความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนหรือความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
  • ไม่เป็นผู้ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสำหรับความผิดอาญาอื่นเว้นแต่ความผิดลหุโทษ
  • ไม่เป็นผู้เสพยาเสพติดให้โทษ

หากทายาทไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนได้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควร

Share on: