ค้ำประกันเงินกู้ ชพค. มีหมายศาลฟ้องไกล่เกลี่ย

กรณีผู้ค้ำประกันเงินกู้ ชพค. ได้รับหมายศาลฟ้องไกล่เกลี่ย หมายความว่า ธนาคารออมสิน หรือธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ยื่นฟ้องผู้กู้เงิน ชพค. ต่อศาล เนื่องจากผู้กู้เงินผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ผู้ค้ำประกันในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในหนี้สินต้องถูกฟ้องไปด้วย

เมื่อได้รับหมายศาลแล้ว ผู้ค้ำประกันควรดำเนินการดังนี้

  1. ตรวจสอบหมายศาลอย่างละเอียด เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับคดี เช่น ชื่อโจทก์ จำเลย มูลฟ้อง นัดหมายศาล เป็นต้น
  2. ติดต่อธนาคารออมสิน หรือธอส. เพื่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี
  3. เตรียมเอกสารที่จำเป็นเพื่อไปศาลในวันนัดไกล่เกลี่ย เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หนังสือค้ำประกันเงินกู้ หนังสือรับรองรายได้
  4. เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยที่ศาล

การไกล่เกลี่ยเป็นกระบวนการที่ศาลจัดให้มีขึ้นเพื่อให้คู่กรณีเจรจาตกลงกันเอง โดยศาลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย หากคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ ศาลจะบันทึกข้อตกลงในการไกล่เกลี่ย และมีผลผูกพันคู่กรณีทั้งสองฝ่าย

หากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลจะประทับรับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชำระหนี้แทนผู้กู้เงินทั้งหมดหรือบางส่วน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในการค้ำประกันเงินกู้

สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีผู้ค้ำประกันเงินกู้ ชพค. มีหมายศาลฟ้องไกล่เกลี่ย มีดังนี้

  • เจรจากับธนาคารออมสิน หรือธอส. เพื่อขอผ่อนผันการชำระเงินคืน โดยอาจขอผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้ ปรับลดจำนวนเงินที่ต้องชำระ หรือขอพักชำระหนี้ชั่วคราว
  • ขอเปลี่ยนผู้ค้ำประกัน หากผู้กู้เงินสามารถหาผู้ค้ำประกันคนใหม่ได้ ธนาคารออมสิน หรือธอส. อาจยอมเปลี่ยนผู้ค้ำประกัน
  • เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ค้ำประกันสามารถแบ่งเบาภาระหนี้ได้

ผู้ค้ำประกันควรรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาทันทีที่ได้รับหมายศาล เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และอาจต้องรับผิดชำระหนี้แทนผู้กู้เงินทั้งหมดหรือบางส่วน

Share on: