การขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกของสามีที่เสียชีวิต สามารถทำได้ดังนี้
- ยื่นคำร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก
ให้ผู้ร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดีเกี่ยวกับมรดกของเจ้ามรดก โดยคำร้องขอต้องระบุข้อมูลดังนี้
* ชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องขอ
* ชื่อและที่อยู่ของเจ้ามรดก
* วัน เดือน ปีเกิดของเจ้ามรดก
* วัน เดือน ปีถึงแก่ความตายของเจ้ามรดก
* รายชื่อทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก
* รายชื่อผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก
* เหตุผลและความจำเป็นในการขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก
- ยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำร้องขอ
ผู้ร้องขอจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำร้องขอดังนี้
* สำเนาบัตรประชาชนของผู้ร้องขอ
* สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ร้องขอ
* สำเนาใบมรณบัตรของเจ้ามรดก
* สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบสำคัญการสมรสของเจ้ามรดกและคู่สมรส
* สำเนาทะเบียนบ้านของทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก
- การพิจารณาคำร้องขอ
เมื่อศาลได้รับคำร้องขอแล้ว ศาลจะพิจารณาคำร้องขอและกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอ
- การไต่สวนคำร้องขอ
ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอ ศาลจะเรียกผู้ร้องขอ ทายาทโดยธรรม และบุคคลที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนคำร้องขอ โดยศาลอาจสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้ร้องขอ ทายาทโดยธรรม และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
- คำสั่งศาล
หลังจากไต่สวนคำร้องขอแล้ว ศาลจะพิจารณาคำสั่งศาล โดยศาลอาจมีคำสั่งดังนี้
* อนุญาตให้ตั้งผู้จัดการมรดก
* ไม่อนุญาตให้ตั้งผู้จัดการมรดก
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ตั้งผู้จัดการมรดก ศาลจะออกคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
- หน้าที่ของผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมและแบ่งปันมรดกให้แก่ทายาทโดยธรรมตามสิทธิและหน้าที่ของตน โดยผู้จัดการมรดกจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาล
เอกสารเพิ่มเติมสำหรับขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก
นอกจากเอกสารหลักฐานที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว ผู้ร้องขออาจขอนำเอกสารเพิ่มเติมมาประกอบคำร้องขอได้ เช่น
- พินัยกรรมของเจ้ามรดก
- หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องขอกับเจ้ามรดก
- หลักฐานแสดงความจำเป็นในการขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก
ทั้งนี้ ผู้ร้องขอควรปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ